วันเสาร์ที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2562

ปลูกตะไคร้ตัดใบขาย ทำรายได้ เดือนละ 100,000 บาท

ปลูกตะไคร้ตัดใบขาย ทำรายได้ เดือนละ 100,000 บาท

ตะไคร้เธอเป็นหนึ่งพื้นทางเลือกของชาวเกษตรกรที่สามารถปลูกได้ง่ายดูแลง่ายและกลายเป็นที่ต้องการของตลาดอย่างกว้างขวางเพราะสามารถนำมาทำอาหารได้ซึ่งด้วยเหตุนี้นี่เองก็ทำให้มีชาวเกษตรกรคนหนึ่งนั่นก็คือ คุณกฤษณา ช่างยา อดีตบรรณารักษ์ ได้มีการหันหลังให้กับงานประจำในรั้วมหาวิทยาลัยจากนั้นก็ก้าวสู่ความเป็นอาชีพเกษตรและมีการชเปลี่ยนพื้นที่ดินที่นาจำนวนกว่า 30 ไร่มาปลูกตะไคร้ 3 สายพันธุ์โดยมีการขายทั้งหัวสดและหัวตากแห้งบอกเลยว่ายอดขายในแต่ละเดือน นั้นนับแสนบาทต่อเดือนเลยก็ว่าได้
นางกฤษณา ช่างยา นั้นเป็นเจ้าของของสวน บ้านตะไคร้มหาสารคาม ที่จังหวัดมหาสารคามโดยก่อนหน้านั้นเคยทำอาชีพบรรณารักษ์ที่คณะแพทย์ศาสตร์มหาวิทยาลัยมหาสารคามมีการควบคู่กับการปลูกดอกดาวเรืองตัดดอกขายส่งตลาดไทแต่ต่อมาก็ได้มองเห็นตลาดการซื้อขายของตะไคร้และเห็นว่ามีโอกาสที่จะทำรายได้ให้กับครอบครัวจึงได้เข้าไปปรึกษากับครอบครัวและมีการทดลองปลูกตะไคร้ด้วยตัวเอง
โดยมีการแบ่งพื้นที่นาเดิมมาขุดร่องทำแปลงปลูกไม่นาน…ยอดสั่งซื้อตะไคร้นั้นก็มีจำนวนเพิ่มมากยิ่งขึ้น จึงทำให้ตัดสินใจลาออกจากงานประจำมาทำสวนตะไคร้กันอย่างเต็มตัวและมีการลงทุนปรับพื้นที่นาจำนวน 30 ไร่มาปลูกตะไคร้ 3 สายพันธุ์นั่นก็คือ ตะไคร้แดง ตะไคร้ขาวเกษตรและตะไคร้หยวกโดยลูกค้าส่วนใหญ่น่าจะเป็นลูกค้ากลุ่มอุตสาหกรรมอาหารเช่น โรงงานทำพริกแกง โรงงานผลิตผงปรุงรสบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป
โดยตะไคร้ถือเป็นพืชผักสวนครัวที่สามารถดูแลได้ไม่ยุ่งยากสามารถปลูกในดินได้แทบทุกสภาพดินแต่ทางที่ดีควรจะเป็นดินร่วนปนทรายจะดีที่สุดเพราะจะแตกรากและก็ได้เป็นอย่างดีโดยการแชทลับการปลูกตะไคร้ของที่นี่จะเริ่มจากการ ไถตีแปลง / พรวนดิน / เตรียมต้นพันธุ์ที่ตัดใบออก ให้เหลือต้นยาว ประมาณสัก 30-40 เซนติเมตร และนำมาไว้ในที่ร่ม จากนั้นก็รดน้ำเช้าเย็นประมาณ 3-5 วัน เพื่อให้รากงอกโดย รากที่แก่เต็มที่จะมีสีเหลืองเข้มและสามารถ นำไปปลุกในแปลง
โดยการเว้นระระแต่ละกอกว้างคูณยาว 1 เมตรคูณ 1 เมตร ถ้าเป็นตะไคร้ตัดใบ จะลดระยะความกว้างของร่องและต้นลงมาเหลือ 50-70 เซน ส่วนการวางต้นพันธุ์ ให้วางเอียง45องศา ไปด้านใดด้านหนึ่งแล้วกลบดิน ในระยะ 2 สัปดาห์แรก จะต้องให้น้ำสม่ำเสมอวันละ 2 ครั้ง เช้าเย็นจนตะใคร้แตกใบจากนั้นเหลือให้น้ำวันละครัง ส่วนการให้น้ำจะใช้สายน้ำหยด หรือระบบสปริงเกอร์ก็ได้ ตามที่ผู้ปลูกถนัดหรือตามพื้นที่ของเจ้าของสวน
เป็นซึ่งตะไคร้ถือเป็นพืช ที่มีศัตรูพืช ข้างๆน้อยดูแลได้ง่ายและสามารถเก็บเกี่ยวได้ภายใน 6 เดือนและเมื่อตัดแล้ว 3 เดือนก็สามารถตัดใบได้อย่างต่อเนื่องโดยตะไคร้สดนั้นสามารถขายได้กิโลกรัมละ 7 – 20 บาท และยิ่งถ้าหากเป็นหน้าแล้งตะไคร่ก็จะมีราคาสูงมากยิ่งขึ้นขายได้กิโลกรัมละ 20 บาท
ส่วนตะไคร้ตากแห้งนั้นจะขายในกิโลกรัมละ 14 – 20 บาท โดยยอดขายในแต่ละเดือนด้วยการตัดหัวสดก็จะมีลูกค้าจากโรงงานมารับซื้อสัปดาห์ประมาณ 50 ตันและจะมีกลุ่มวิสาหกิจชุมชนมารับซื้อตะไคร้ตากแห้งอีกเดือนละ 100 กิโลกรัมทำให้มียอดขายไม่ต่ำกว่า 100,000 บาท เลยทีเดียว
และนอกจากนี้ในส่วนของใบตะไคร้ที่ใครหลายๆคนมองข้ามกันนั้นก็สามารถนำมาสร้างรายได้ได้ด้วยเช่นกันโดยล่าสุดได้มีเพจของสวนตะไคร้คุณหญิงโคราชมีการเผยแพร่ออกมาโดยมีการโพสต์ข้อความไว้ที่ว่า ท่านใดสนใจ ต้นตะไคร้ตัดใบถ้าตะไคร้อายุเกิน 4 เดือนตัดต้นตะไคร้แบบผ้าประมาณคืบจากดินใบใหม่ก็จะออกและสามารถตัดใบขายได้อีกประมาณ 20 ถึง 25 วันข้างหน้าหากท่านใดสนใจร่วมทีมงานจะมีการรับซื้อตลอดปีโดยสามารถติดต่อได้ที่ 099-5057183 (หญิง) / 081-8796788 (บอย)
นอกจากนี้ก็ยังมีการเผยแพร่เกี่ยวกับการปลูกตะไคร้เพื่อให้ได้ใบขายสำหรับที่ผู้สนใจซึ่งสามารถทำได้ดังนี้
1.พันธ์ตะไคร้ที่ใช้ปลูก พันธุ์หยวก พันธุ์เกษตร พันธุ์กาบแดง ยกเว้นตะไคร้หอม
2.การปลูกในพื้นที่ 1 ไร
2.1 ใช้กล้าพันธุ์ 400 กก. ราคา 6,000 บาท
2.2 ระยะการปลูก 25x25x60 ชม.
3.ผลผลิตต่อไร่
3.1 เริ่มเก็บเกี่ยวครั้งแรกที่อายุ 90 วัน หลังจากนั้นเก็บเกี่ยวทุกๆ 20- 25 วัน เป็นเวลาประมาณ 2 ป
3.2 ใบสดประมาณ 1,000-1,500 กก.
3.3 ใบแห้งประมาณ 300-400 กก. ( ใบสด 4 กก.ไดใบแห้ง 1 กก.)
4.ราคารับซื้อ ณ.สวนคุณหญิง
4.1 ใบสด 2.5 บาท/กก.
4.2 ใบแห้ง 10-15 บาท/กก. ขึ้นอยู่กับคุณภาพสินค้า
4.3 ประกันราคารับซื้อขั้นต่ำ 10 บาท/กก.
5.เพื่อความมั่นใจของผู้สนใจทุกท่าน เรายินดีทำบันทึกข้อตกลงในชื้อ-ขาย#รวมกันซื้อ รวมการขาย รวมกันกระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม 09 9505 7183 หญิง / 081879 6788 บอย

วันพฤหัสบดีที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2562

นักศึกษา ปวส.2 รายได้เกือบ 20,000 ต่อเดือน จากการปลูกพริกกระสอบขาย ปลูกง่าย กำไรงาม

นักศึกษา ปวส.2 รายได้เกือบ 20,000 ต่อเดือน จากการปลูกพริกกระสอบขาย ปลูกง่าย กำไรงาม


เงินมันอยู่รอบตัวเราหากรู้จักวิธีการหา บทความนี้ก็เอาอีกหนึ่งผลงานการสร้างรายได้ระหว่างเรียนมาฝากกัน เป็นการทำเกษตรจาก นักศึกษา ปวส. ปี 2 โดยการ ปลูกพริกกระสอบ อาจจะเหมาะสำหรับคนที่ไม่อยากขุดหลุม หรือสภาพดินไม่เหมาะสำหรับการทำเกษตรพริกกระสอบ เราก็สามารถปรุงดินในกระสอบได้เองเลย แล้วใช้กระสอบนั้นเป็นกระถาง จะเป็นอย่างไรมาติดตามพร้อมกันได้เลย
ทำไมต้องปลูกพริกในกระสอบ?
เจ้าของผลงานทำรายได้งามนี้คือ นายพิเชษ ด้วงชู เป็นนักศึกษา ปวส. ปี 2 ซึ่งก็ได้เรียนในสาขาพืชศาสตร์ ของวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีพัทลุง ด้วยความที่อยากจะหารายได้เสริมเป็นการแบ่งเบาภาระของผู้ปกครอง จึงได้คิดว่าทำอย่างไรจึงจะหาเงินเพิ่มได้อีก
ไอเดียการปลูกพริกกระสอบก็ผุดขึ้นมาโดยการเข้าร่วมโครงานเกษตรเพื่อชีวิต เกษตรรุ่นใหม่ใส่ใจมาฐาน ของทางสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.) ได้เป็นคนจัดโครงการขึ้นร่วมกันกับทางวิทยาลัยเอง เพื่อให้เกษตรกรรุ่นใหม่ใส่ใจมาตรฐานการผลิตมากขึ้น
ด้วยความตั้งใจในการหารายได้เสริมบนที่ดินเพียง 1 งาน สามารถสร้างรายได้เกือบเดือนละ 20,000 บาท แบ่งเบาภาระช่วยพ่อแม่ไดเยอะ เงินจำนวนนี้ส่งตัวเองเรียนได้จนจบปริญญาตรีเลย แม้ว่าในการทดลองทำครั้งแรกจะเคยกำไรน้อยแต่เมื่อได้ลงมือจริงจังแล้วบนที่ดิน 1 งาน ได้เยอะกว่านั้นเมื่อเพิ่มจำนวนพริกกระสอบเป็น 200 กระสอบ
ระยะเวลาในการปลูกประมาณ 3 เดือน เก็บพริกได้ทุกอาทิตย์แล้วเอาไปขาย ราคาตลาดพริกกิโลกรัมละ 130 – 150 บาท ขึ้นอยู่กับราคาตลาดแต่ละช่วง โดยในแต่ละเดือนจะได้ประมาณ 120 กิโลกรัม เป็นเงินประมาณ 16,800 บาท ถือว่าเยอะมากสำหรับเงินเดือนของคนที่เป็นนักศึกษา
วิธีการปลูกพริกกระสอบ
1. หากระสอบตามจำนวนที่ต้องการมาได้เลย อยากจะปลูกกี่กระสอบก็เตรียมมาเท่านั้น
2. เอาดินร่วนปนทราย ปริมาณ 12 กิโลกรัมมาผสมเข้ากันกับมูลของวัว ปริมาณ 5 ขีด และปูนขาวอีก 1 กำมือ
3. จัดการผสมคลุกให้เข้ากัน
4. นำไปใส่ในกระสอบได้เลย
5. พับปากกระสอบลงให้สูงจากดินในนั้นประมาณ 5 นิ้ว เพื่อจะได้มีแนวกั้นลมพัด
6. เอาต้นกล้าพริกที่มีมาปลูกได้เลย อยากจะปลูกพริกชนิดไหนก็ตามแต่ละเลือกเลย แต่สำหรับของเขาอยู่พัทลุงพริกเดือยไก่เป็นที่ต้องการของตลาดเขาจึงเลือกปลูกชนิดนี้
7. ระยะเวลา 3 เดือน เก็บขายได้เลย
8. เมื่อต้นพริกหมดอายุแล้วก็ยกเอาดินในกระสอบเก่านั้นออกมาฆ่าเชื้อโดยการตากแดดและทำใหม่วนกันแบบเดิม
เป็นการหารายได้เสริมที่กลายเป็นรายได้หลักได้เลย ในการปลูกพริกกระสอบนี้แม้เวลาน้อยก็ทำได้ เป็นเกษตรกรยุคใหม่โดยแท้ต้องไม่ใช้สารเคมีอันตราย ต้องคำนึงถึงสุขภาพของผู้บริโภคด้วย และท่านใดที่ต้องการจะหารายได้จากการทำเกษตรลองปลูกพริกกระสอบดูอาจจะสร้างรายได้งามมากก็ได้
ขอขอบคุณแหล่งที่มา : ไทยรัฐ
ขอบคุณบทความดีๆจาก https://www.naykhaotom.com

วันศุกร์ที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2562

สาวยาคูลท์ แนะวิธีบริหารเงิน 3 ข้อ เผยขายมา 40ปี ซื้อที่ 60ไร่ มีเงินเก็บ 7 หลัก


ทำอาชีพไหนก็รวยได้ ถ้าคุณคือ คนจริง หรือภาษาอีสานเรียกว่า “ของแท้”

คุณ “สายันห์ ธุรีวรรณ์” สาวย าคูลท์รุ่นบุกเบิก เริ่มขายตั้งแต่สมัยขวดละ 3 บาทจนถึงปัจจุบันขวดละ 8 บาท ซึ่งเธอทำงานในอาชีพนี้มาแล้วกว่า 40 ปี ปัจจุบันอายุ 58 ปี เริ่มขายตั้งแต่ อายุ 18 ปี

เวลา 05.30 น. ขณะที่หลายคนเพิ่งจะลุกจากที่นอนนุ่มๆ แต่กลับเป็นเวลาที่พี่สายันห์คุ้นชิน ขี่รถจักรย านยนต์คู่ใจออกจากบ้านไปทำงานย่านรังสิต

แต่ก่อนอื่น ขอพาทุกท่านมารู้จักกับพี่สายันห์ สาวขายยาคลท์คนนี้ ว่าเธอเป็นใครมาจากไหน ขอบอกเลยว่า นี่จะเป็นแรงบัลดาลใจ และกำลังใจให้ทุกท่าน ที่กำลังสู้ชีวิตอยู่ และทำลายกำแพงความลำบากที่ทุกคนเคยสร้างไว้ให้ตัวเองด้วยคำพูดที่ว่า เงินเดือนนิดเดียว กำไรนิดเดียว จะไปรวยได้อย่างไหร



“ดิฉันเกิດที่บ้านสามง่าม อ.หันคา จ.ชัยนาท มีพี่น้อง 5 คน ตอนแรกไม่รู้จะหางานอะไรทำ ไปสมัครงานที่ไหนเขาก็ไม่รับ เพราะเรียนจบ ชั้น ป.7 ทางบ้านกิจการรถ 6 ล้อของพ่อก็เปลี่ยนไปตามยุคสมัย จนขายทิ้งหมด ส่วนลูกผู้หญิงสมัยนั้น ทำกับข้าวให้สามีทานก็พอแล้ว ไม่ต้องเรียนหนังสือ พี่สาวคนโตไม่ได้เรียน พี่ชายคนรองได้เป็นตำรวจ และดิฉันเป็นลูกคนกลาง น้องสาวทำนาทำไร่ดูแลพ่อแม่ ส่วนน้องชายคนสุดท้องก็จบเพียงชั้นม.6” เธอเล่าอย่างตรงไปตรงมา สะท้อนให้เห็นภาพสมัยนั้น

โดยก่อนมาสมัครเป็นสาวย าคูลท์ เธอได้แต่งงานและย้ายมาอาศัยกับสามีที่ย่านรังสิต เพราะสามีของเธอทำงานโรงงาน กระทั่งมีเพื่อนแนะนำให้รู้จักกับย าคูลท์ แต่ในใจก็แอบกังวลว่าจะทำได้หรือไม่ ซึ่งที่นี่ก็ให้โอกาสเธอได้ทำงานที่แรกเขตสีลม

เธอคิดใจในว่า “รับจ้างเกี่ยวข้าว ตั ดอ้อยเป็นไร่ ยังทำได้ ถ้าอย า กได้เงินเดือนเท่าไหร่ ก็ หาลูกค้าให้ได้เยอะ ” จากนั้นย้ายไปเป็นสาวย าคูลท์เขตพัฒนาการ ในยุคที่ต้องปั่นจักรย าน 12 กม. เคยมีจักรย านล้มบ้าง แน่นอนว่าย าคูลท์กระจายเต็มพื้น แต่ก็ต้องปั่นไปให้ถึงบ้านลูกค้า เพื่อไปกล่าวคำว่า “ขอโทษ”

พี่สายันห์ บอกว่า เมื่อ 10 ปีก่อนนี้ ย าคูลท์ถือว่าขายดีมาก ขายดีจนมีเวลาว่าง เพราะย าคูลท์ผลิตไม่ทันความต้องการของลูกค้า ซึ่งเคยขายได้มากที่สุดวันละ 1,300-1,700 ขวด แต่ตนก็ไม่เคยปล่อยเวลาว่างให้สูญเปล่า จึงใช้เวลาว่างตรงนี้ไปเรียนต่อที่ กศน. ตอนนั้นมีหลายคนถามว่าอายุ 40 ปี จะมาเรียนทำไม ตนได้เป็นหัวหน้าห้อง และเรียนจนจบ ม.6 ได้สำเร็จ นับเป็นความภูมิใจที่สร้างรอยยิ้มได้อย่างมีความสุข

ในเรื่องของการทำงาน พี่สายันห์ เผยแง่มุมที่น่าสนใจว่า

เคยนะที่โดนลูกค้าพูดไม่ดีใส่หน้า เพราะมีย าคูลท์ไม่เพียงพอส่งให้ลูกค้า ดิฉันไม่เคยโกรธพวกเขาเลย ใครจะຣวຢหรือจะจนก็ซื้อย าคูลท์ขวดละเท่ากัน แต่กลับขอบคุณเข า ด้วยซ้ำที่ให้โอกาสเรา เขาจ้างเราไปส่งย าคูลท์นะ ลูกค้าทุกคนเสมอภาคกัน ถ้าเราซื่อสัตย์กับลูกค้า ลูกค้าก็ซื่อสัตย์กับเรา

ตลอดระยะเวลากว่า 40 ปี ที่เป็นสาวย าคูลท์ เธอปฏิบัติตามคำแนะนำของหัวหน้า รวมถึงมีความรับผิดชอบในหน้าที่ที่ต้องทำ เพื่อพิสูจน์ตัวเองให้บริษัทได้เห็นว่าเธอมีความตั้งใจจริง และการที่ได้เป็นสาวย าคูลท์นั้นนอกจากจะมีรายได้ที่มั่นคงแล้ว บริษัท ย าคูลท์ ยังใส่ใจครอบครัว โดยช่วยเหลือให้ทุนการศึกษาบุตร ที่สามารถสอบเข้ามหาวิทย าลัยของรัฐบาลได้จนจบปริญญาตรี ซึ่งเธอคิดไม่ถึงว่าจะมีวันนี้เลย

มากไปกว่านั้นน้ำพักน้ำแรงที่เธอภูมิใจที่สุดในชีวิต คือ

เธอกับสามีรู้จักบริหารเงิน ซึ่งเงินที่ได้จากการทำงานสามารถซื้อที่ดินได้ 34 ไร่ ซื้อที่นาอีก 2 แปลง 13 และ 9 ไร่ และซื้อที่ดินในเขตเทศบาล จ.ชัยนาท ไว้อีก 4 ไร่ ปล่อยเช่าอาคารพาณิชย์อีก 1 คูหา และมีบ้านที่ย่านรังสิตอีก 1 หลัง โดยพี่สายันห์บอกแนะนำว่าดิฉันไม่ได้ຣวຢอะไรเลย

แต่รู้จักใช้เงินให้เป็น แบ่งออกเป็น 3 ส่วน

1.เงินเก็บออม

2.เงินใช้หนี้ และ

3.ค่าใช้จ่ายในบ้าน

โดยตลอดชีวิตการทำงาน มีคำ 3 คำที่เธอยกย่องว่าเป็นการอดที่ดี

1 อดทน

2 อดกลั้น

3 อดออม

ซึ่งสิ่งเหล่านี้ได้รับการถ่ายทอดสู่ลูกชายในวัย 32 ปี เขาจึงอย า กให้แม่พักจากงานสาวย าคูลท์บ้าง เพราะเงินเก็บที่ออมที่มีทั้งหมดของเขาก็มีไม่ต่ำกว่า 2.6 ล้านบาท แต่ทุกวันนี้พี่สายันห์ก็ยังยืนยันกับลูกชายว่า  “แม่ขอเป็นสาวย าคูลท์ต่อไป” เพราะหน้าที่สำคัญและละทิ้งไม่ได้ คือ การได้เห็นลูกค้าดื่มนมเปรี้ยวที่มีประโยชน์ทุก วัน

ขอบคุณแหล่งที่มา dailynews

วันอาทิตย์ที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2562

ชาวเน็ตกดไลค์ "กู้ภัยโจงเขียว" ทำแผลคนเจ็บทั้งชุดไทย งานแต่งก็จะไปแต่ไม่ทิ้งหน้าที่



(3 ส.ค.62) เฟซบุ๊ก อาสามูลนิธิร่วมกตัญญูสิงห์บุรีจุดเมือง-ฐานหน้ากระดกทีม เผยภาพเจ้าหน้าที่กู้ภัย เข้าช่วยเหลือผู้บาดเจ็บจากอุบัติเหตุบนท้องถนน บริเวณแยกบุ้งกี๋ จ.สิงห์บุรี ซึ่งทีมกู้ภัยกำลังเดินทางไปงานแต่งงานของน้องที่รู้จัก แต่เมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝันเจ้าหน้าที่กู้ภัยทั้งชายและหญิง ต่างก็ลงไปปฐมพยาบาลให้กับผู้บาดเจ็บทั้งๆ ซึ่งยังอยู่ในชุดไทยโจงกระเบนเขียวเต็มยศ ที่เตรียมตัวแต่งไปร่วมแห่ขันหมาก

โดยเขียนข้อความประกอบภาพ ระบุว่า "งานแต่งน้องก็จะไป เห็นคนเจ็บก็สำคัญ แวะช่วยไปที ว.40 ใกล้เคียงแยกบุ้งกี๋ จยย. กับ จยย. เจ็บ 3 ราย ไม่ไป รพ. ประสงค์แค่คนหล่อ ๆ สวย ๆ ทำแผล #หน้ากระดกทีม????"

ภายหลังจากภาพและเรื่องราวดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป ก็มีชาวเน็ตให้เข้ามาแสดงความคิดเห็นชื่นชมการทำงานของเจ้าหน้าที่กู้ภัยกลุ่มนี้อย่างมาก ที่แม้จะมีภารกิจส่วนตัวแต่งตัวสวยหล่อหน้าเป๊ะพร้อมไปงาน แต่เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินก็ยังคงปฏิบัติหน้าที่อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง เพราะเครื่องแบบหรือชุดที่สวมใส่ไม่สำคัญเท่าจิตใจที่อาสาช่วยเหลือประชาชน